ติดต่อลงโฆษณา racingweb@gmail.com

ผู้เขียน หัวข้อ: ใช้ที่ดินเพื่อประกอบการเกษตร ปลูกแค่ 1 ไร่ก็ทำได้ จ่ายภาษีเพียง 0.01%  (อ่าน 490 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ruataewada

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 132
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่องเมืองไทย


ใช้ที่ดินเพื่อประกอบการเกษตร ปลูกแค่ 1 ไร่ก็ทำได้ จ่ายภาษีเพียง 0.01%
ประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเรื่องหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ได้กำหนดอัตราขั้นต่ำของจำนวนไม้ต้น ไม้ผล ต่อพื้นที่ปลูก 1 ไร่ จึงจะสามารถเรียกว่าใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมได้และจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพียง 0.01% เท่านั้น แต่หากปล่อยให้รกร้างหรือใช้ประโยชน์ด้านอื่นจะต้องจ่ายภาษีในอัตรา 0.30% ซึ่งมากกว่าภาษีที่ดินเพื่อการเกษตรถึง 30 เท่า
หลายคนจึงหันมาเปลี่ยนที่ดินเปล่า เพื่อใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ซึ่งที่ง่ายที่สุดและเห็นกันเกลื่อนตาคือการปลูกกล้วย ปลูกมะพร้าว แต่รู้หรือไม่ยังมีไม้ผลอีกหลายชนิดที่สามารถปลูกในที่ดินเพื่อประกอบการเกษตรได้

•อัปเดตอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
การใช้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตามความหมายของคำว่า “ประกอบการเกษตร” ในระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภค จำหน่าย หรือใช้งานในฟาร์ม แต่ไม่รวมถึงการทำการประมงและการทอผ้า การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรยังหมายความรวมถึงที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ต่อเนื่องที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมนั้นด้วย

การกำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่ปีภาษี 2565-2566 โดยคงอัตราภาษีแบบเดิมเช่นเดียวกับปีภาษี 2563 และ 2564 มีสาระสำคัญ ดังนี้

ที่ดินเพื่อการประกอบเกษตรกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.01-0.1%
ที่อยู่อาศัย แบ่งเป็น
2.1 บ้านหลังหลัก เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.03-0.1%
2.2 บ้านหลังหลัก เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.02-0.1%
2.3 บ้านหลังอื่น ๆ อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.02-0.1%
การใช้ประโยชน์อื่น หรือใช้เชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ร้านอาหาร พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.3-0.7%
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ อัตราภาษีที่ดินว่างเปล่าที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.3-0.7%

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม


ทีมา baanlaesuan.com

ออฟไลน์ ruataewada

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 132
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่องเมืองไทย

ปลูกกล้วยในพื้นที่ว่างเปล่าสร้างผลผลิตและรายได้


หลายคนมีพื้นที่ดินว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยวัชพืชนานาชนิดและไม่ได้จัดการอะไร ช่วงฤดูแล้งอย่างนี้หญ้าเริ่มเหี่ยวแห้ง มาจัดการพื้นที่รกร้างที่มีอยู่ แล้วมา ” ปลูกกล้วย ” กันดีกว่า
กล้วยเป็นผลไม้พื้นบ้านที่คนไทยรู้จักกันมานาน เพราะทุกส่วนของกล้วยทั้งลำต้น ใบ ดอก ผล เหง้า และยังขยายพันธุ์ง่ายด้วยการแบ่งหน่อ หรือผ่าเหง้าไปปลูกต่อ จึงพบกล้วยขึ้นอยู่ทั่วไปในบ้านเรา และเป็นผลไม้ที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกันมากนัก ทั้ง ๆ ที่กล้วยมีประโยชน์มากมาย

ช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา ผลกล้วยน้ำว้ามีราคาสูงขึ้น เนื่องจากมีการปลูกลดลง อีกทั้งสภาพแห้งแล้ง ทำให้หลายคนหันกลับมาปลูกกล้วยเป็นอาชีพ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว แต่การปลูกอย่างไรให้ได้ผลผลิตดีๆ มาเรียนรู้กัน

สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือ “สภาพพื้นที่และดินในบริเวณนั้น” แม้ว่ากล้วยจะเป็นพืชที่ทนทาน แต่การปลูกกล้วยให้ได้ผลผลิตที่ดี ดินปลูกควรมีอินทรีย์วัตถุและความชุ่มชื้นเพียงพอ “แสงแดด” เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง กล้วยชอบแสงแดดจัด หากพื้นที่ดีแต่แสงแดดน้อยมักไม่ออกเครือ หรือคุณภาพผลผลิตไม่ดีพอ

นอกจากนี้ “น้ำ” ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปลูกกล้วย แม้กว่ากล้วยเป็นพีชที่กักเก็บน้ำในลำต้นได้ดี แต่ถ้าได้รับน้ำไม่เพียงพอ ต้นจะเติบโตได้ไม่ดีนัก จึงควรติดตั้งระบบให้น้ำไว้บ้างเพื่อต้นกล้วยเติบโตอย่างสมบูรณ์ ให้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม


ทีมา baanlaesuan.com

ออฟไลน์ ruataewada

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 132
    • ดูรายละเอียด
    • พระเครื่องเมืองไทย
วิธีปลูกมะนาวในกระถาง ให้ลูกดก เก็บกินเก็บขายได้ตลอดทั้งปี


มะนาว พันธุ์อะไร ปลูกแล้วให้ลูกดก ?

อยากปลูก มะนาว ให้ออกลูกดก เก็บกินเก็บขายได้ตลอดทั้งปี สามารถปลูกได้ทุกพันธุ์เลย ไม่ว่าจะเป็น พันธุ์แป้นรำไพ แป้นจริยา แต่ถ้าเลือกพันธุ์ที่ทนต่อโรคแคงเกอร์ ซึ่งมักเป็นโรคที่เกิดกับมะนาวนั้น แนะนำให้เลือก พันธุ์พิจิตร 1 หรือ พันธุ์ตาฮิติ จะดีที่สุด

ยิ่งถ้าใครเป็นมือใหม่หัดปลูกมะนาว พันธุ์พิจิตร 1 ถือว่าตอบโจทย์ เพราะเป็นพันธุ์ที่ออกดอกตลอดปี ติดผลดก มีระบบรากแข็งแรง อย่างไรก็ตาม มะนาวพันธุ์นี้ ต้องรอนาน 6 เดือน ถึงจะได้ผลมะนาวที่มีคุณภาพ และ ต้องคอยเก็บผลมะนาว ตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้ออกผลลูกใหญ่ สวยงาม
เคล็ดลับ ปลูกมะนาวในกระถาง ให้ได้ผลดี

เคล็ดลับ ปลูกมะนาวในกระถาง ให้ได้ผลดี มีหลายองค์ประกอบด้วยกัน ตั้งแต่การเตรียมกิ่งพันธุ์ ลักษณะดิน การรดน้ำ ให้แสงแดด ตลอดจนการใส่ปุ๋ย การควบคุมโรคและศัตรูพืช ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

การเตรียมกิ่งพันธุ์

ควรเลือกกิ่งพันธุ์ที่สมบูรณ์ แข็งแรง ไม่มีโรค ไม่แก่จนใบเหลือง หรือ รากขด

ลักษณะดิน

ดินควรมีความร่วนซุย มีอินทรียวัตถุสูง สัดส่วนของดิน ควรประกอบด้วย ดินร่วน 3 ส่วน แกลบดิบ หรือ กาบมะพร้าวสับ 1 ส่วน และ ปุ๋ยคอก 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากัน

การรดน้ำ ให้แสงแดด

ควรรดน้ำวันละ 1 ครั้ง พอแค่ให้ดินชุ่ม หากวันใดฝนตกก็เว้นไป ไม่ต้องรดน้ำ สำหรับแสงแดด ควรตั้งไว้ในที่แจ้ง ให้ต้นมะนาวได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง

การใส่ปุ๋ย

เดือน 1 – เดือน 7 ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ สูตร 16-16-16 อัตรา 1-2 ช้อนโต๊ะ เดือนละ 1 ครั้ง โดยหย่อนใส่ 4 มุมของกระถางก็พอ หากต้นสมบูรณ์ดี ให้เว้นบ้างก็ได้

เมื่อต้นมะนาวมีอายุ 8 เดือน ถึง 1 ปี ต้องเปลี่ยนเป็น ปุ๋ยสูตร 8–24–24 หรือ 12-24-12 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการออกดอก อัตรา 1-2 ช้อนโต๊ะ เดือนละ 1 ครั้ง พอใส่เสร็จแล้วรดน้ำตามทันที อีกประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ต้นก็จะออกดอกปรากฏให้เห็น และ ให้ผล ในเวลาต่อมา

การควบคุมโรคและศัตรูพืช

เดือน 1 – เดือน 5 เมื่อต้นมะนาวเริ่มออกใบอ่อน อาจมีศัตรูพืชเข้ามากัดแทะทำลาย เช่น หนอนผีเสื้อกลางคืน ดังนั้น จะต้องคอยฉีดพ่น ปิโตรเลียมออยล์ ผสม สารอะบาเม็กติน หรือ คาร์โบซัลแฟน ฉีด 2 ครั้ง เว้น 3 วัน เมื่อผ่านไป 9-10 วัน ใบมะนาวก็จะปลอดภัยจากแมลงศัตรูแล้ว
เดือน 5 – เดือน 8 ให้คอยตัดแต่งกิ่ง และ ฉีดพ่นสารเคมี ประเภทสารประกอบทองแดง เช่น คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์ คอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ เป็นช่วง ๆ เพื่อป้องกันโรคแคงเกอร์
หากต้นมะนาวเกิดโรคแคงเกอร์แล้ว ให้ใช้แบคทีเรียบาซิลลัส สูตรพลายแก้ว หรือ Zinc Oxide Nano ฉีดพ่นทุก 30 วัน ถ้าไม่อยู่ ให้ตัดแต่งกิ่งก้านใบ ลำต้นที่ถูกทำลาย มาเผาทิ้งเสีย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม

ที่มา sgethai.com